วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ภาษาจีนสำคัญอย่างไร ?


                                

     “ภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดภาษาหนึ่งเศรษฐกิจที่ขยายตัวเร็วที่สุดในโลก           และมหาอำนาจประเทศใหม่ที่โลกจับตาสาธารณรัฐประชาชนจีน





            ประเทศจีนเป็นประเทศที่กำลังเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วสุดในปัจจุบันขณะเดียวกันก็เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเป็นแหล่งอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของโลกจีนมีจำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลกและชาวจีนได้เดินทางไปตั้งรกรากในแทบทุกประเทศส่งผลให้มีผู้ใช้ภาษาจีนอาศัยอยู่ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะมุมไหนของโลกก็ตามบทบาทของประเทศจีนบนเวทีโลกกำลังชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยขนาดของเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวและพร้อมจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจภายในอีก 4-5 ปีข้างหน้าตามคำทำนายของ IMF
ขณะเดียวกันความร่วมมือระหว่างไทยจีนรวมไปถึงอาเซียนกับจีนก็แน่นแฟ้นขึ้นโดยผ่านข้อตกลงการค้าเสรีซึ่งเริ่มใช้ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งหมายถึงการค้าและการลงทุนระหว่างไทยจีนจะเพิ่มสูงขึ้นจากอดีตซึ่งสูงอยู่แล้วอีกมาก ส่งผลให้ความต้องการในตลาดแรงงานต่อผู้ที่มีความสามารถทางภาษาจีนสูงขึ้น

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ความสำคัญของภาษาจีนจึงมีมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความสนใจในด้านการค้าขาย ธุรกิจ เทคโนโลยี การแพทย์ รวมทั้งวัฒนธรรมจีน นอกจากนี้ภาษาจีนยังสามารถเพิ่มโอกาสทางการทำงานให้พวกเราทุกคน ทว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังคงไม่ตระหนักถึงบทบาทของภาษาจีนที่กำลังมีอิทธิพลสูงขึ้นเรื่อยๆ จนหลายคนพูดว่าภาษาจีนกลางอาจพัฒนากลายมาเป็นภาษาสากลแทนภาษาอังกฤษในอนาคต
          

ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน


ประโยคภาษาจีนที่ใช้บ่อย 100 ประโยค



ประโยคภาษาจีนพินอินความหามย
1.你好.1. Nǐ hǎo.สวัสดี
2.你好吗.2. Nǐ hǎo ma.คุณสบายดีไหม
3.我很好.3. Wǒ hěn hǎo.ฉันสบายดี
4.你叫什么名?4. Nǐ jiào shénme míng?คุณชื่ออะไร
5.我叫王美丽.5. Wǒ jiào wáng měilì.ฉันชื่อหวังเหม่ยลี่
6.我是泰国人.6. Wǒ shì tàiguó rén.ฉันเป็นคนไหทย
7.你是哪儿国人?7. Nǐ shì nǎ'er guórén?คุณเป็นคนชาติไหน
8.我不是中国人。8. Wǒ bùshì zhōngguó rén.ฉันไม่ใช่คนจีน
9.你吃饭了吗?9. Nǐ chīfànle ma?คุณทานข้าวแล้วหรือยัง
10.我吃了.10. Wǒ chīle.ฉันทานแล้ว
11.你家有几口人?11. Nǐ jiā yǒu jǐ kǒu rén?บ้านคุณมีกี่คน
12.我家有5个人.12. Wǒjiā yǒu 5 gèrén.บ้านฉันมี5คน
13.你多大?13. Nǐ duōdà?คุรอายุเท่าไหร่
14.我们走吧.14. Wǒmen zǒu ba.พวกเราไปกันเถอะ
15.我爱你.15. Wǒ ài nǐ.ฉันรักเธอ
16.你很可爱。16. Nǐ hěn kě'ài.คุณน่ารักจัง
17.你家在哪里?17. Nǐ jiā zài nǎlǐ?บ้านคุณอยู่ที่ไหน
18.你是曼谷人吗。18. Nǐ shì màngǔ rén ma.คุณเป็นคนกรุงเทพใช่ไหม
19.对不起.19. Duìbùqǐ.ขอโทษ
20.谢谢.20. Xièxiè.ขอบคุณ
21.没关系.21. Méiguānxì.ไม่เป็นไร
22.不客气.22. Bù kèqì.ไม่ต้องเกรงใจ
23.你喜欢吃什么?23. Nǐ xǐhuan chī shénme?คุรชอบทานอะไร
24.你会讲中文吗?24. Nǐ huì jiǎng zhōngwén ma?คุณพูดภาจีนได้ไหม
25.你要买什么?25. Nǐ yāomǎi shénme?คุณต้องการซื้ออะไร
26.现在几点了?26. Xiànzài jǐ diǎnle?ตอนนี้กี่โมงแล้ว
27.现在下午一点。27. Xiànzài xiàwǔ yīdiǎn.ตอนนี้บ่ายโมง
28.我们去图书馆巴。28. Wǒmen qù túshū guǎn ba.พวกเราไปห้องสมุดกันเถอะ
29.什么时候?29. Shénme shíhou?เวลาเมื่อไหร่
30.再见。30. Zàijiàn.ลาก่อน
31.祝你生日快乐。31. Zhù nǐ shēngrì kuàilè.สุขสันต์วันเกิด
32.等一下。32. Děng yīxià.รอก่อน รอหน่อย
33.你重多少?33. Nǐ zhòng duōshǎo?คุณหนักเท่าไหร่
34.你去过中国了吗?34. Nǐ qùguò zhōngguóle ma?คุณเคยไปเมืองจีนแล้วหรือยัง
35.泰语难吗?35. Tài yǔ nán ma?ภาษาไทยยากไหม
36.你干什么?36. Nǐ gànshénme?คุณทำอะไร
37.怎么多了。37. Zěnme duōle.เป็นไงบ้างแล้ว
38.小心点。38. Xiǎoxīn diǎn.ระมัดระวังหน่อย
39.今天他不来了。39. Jīntiān tā bù láile.วันนี้เขาไม่มา
40.我想哭。40. Wǒ xiǎng kū.ฉันอยากร้องไห้
41.怎么回事?41. Zěnme huí shì?เกิดไรขึ้น
42.别走42. Bié zǒuอย่าเพิ่งไป
43.你慢慢说点。43. Nǐ màn man shuō diǎn.คุณชช่วยพูดช้าหน่อย
44.中文太难。44. Zhōngwén tài nán.ภาษาจีนยากมาก
45.你的电话号码是多少?45. Nǐ de diànhuà hàomǎ shì duōshǎo?เบอร์โทรศัพท์ของคุณคืออะไร
46.今天怎么样。46.​​Jīntiān zěnme yàng.วันนี้เป็นไงบ้าง
47.你有钱吗?47. Nǐ yǒu qián ma?คุณมีเงินไหม
48.太贵了。48. Tài guìle.แพงเกินไป
49.你有女朋友了吗?49. Nǐ yǒu nǚ péngyǒule ma?คุณมีแฟนหรือยัง(แฟนผู้หญิง)
50.我很想念你。50. Wǒ hěn xiǎngniàn nǐ.ฉันคิดถึงเธอมาก
51.好梦。51. Hǎo mèng.ฝันดีนะ
52.你从哪来?52. Nǐ cóng nǎ lái?คุณมาจากที่ไหน
53.吃饱了吗?53. Chī bǎole ma?กินอิ่มหรือยัง
54.我饿了。54. Wǒ èle.ฉันหิวแล้ว
55.你怎么办?55. Nǐ zěnme bàn,คุณจะทำอย่างไร
56.我明白了。56. Wǒ míngbáile.ฉันเข้าใจแล้ว
57.我不干了。57. Wǒ bù gān le.ฉันไม่ทำแล้ว
58.我不同意。58. Wǒ bù tóngyì.ฉันไม่เห็นด้วย
59.我回来了59. Wǒ huíláileฉันกลับมาแล้ว
60.祝你好运60. Zhù nǐ hǎoyùnขอให้คุณโชคดี
61.当然了.61. Dāngránle.แน่นอน
62.你有什么事?62. Nǐ yǒu shé me shì?คุณมีธุระอะไร
63.没问题。63. Méi wèntí.ไม่มีปัญหา
64.这个字怎么发声?64. Zhège zì zěnme fā shēng?อักษรตัวนี้ออกเสียงยังไง
65.你确定吗?65. Nǐ quèdìng ma?คุณน่ใจไหม
66.你结婚了吗?66. Nǐ jiéhūnle ma?คุณแต่งงานแล้วหรือยัง
67.真可惜!67. Zhēn kěxí!เสียดาย จริงๆ
68.你可以帮我妈?68. Nǐ kěyǐ bāng wǒ mā?คุณช่วยฉันได้ไหม
69.明天可以吗?69. Míngtiān kěyǐ ma?พรุ่งนี้ได้ไหม
70.麻烦你了?70. Máfan nǐle?ต้องรบกวนคุณแล้ว
71.他很努力学习。71. Tā hěn nǔlì xuéxí.เขาขยันเรียนหนังสือมาก
72. 我找不到。72. Wǒ zhǎo bù dào.ฉันหาไม่เจอ
73.你习惯了吗?73. Nǐ xíguànle ma?คุณชินแล้วหรือยัง
74.我也是这样。74. Wǒ yěshì zhèyàng.ฉันก็เหมือนกัน
75.你喜欢踢足球妈?75. Nǐ xǐhuan tī zúqiú mā?คุณชอบเตะฟุตบอลไหม
76.跑来跑去。76. Pǎo lái pǎo qù.วิ่งไปวิ่งมา
77.怪不得。77. Guàibùdé.มิน่าล่ะ
78.你会开车吗?78. Nǐ huì kāichē ma?คุรขับรถเป็นไหม
79.我不会开车。79. Wǒ bù huì kāichē.ฉันขับรถไม่เป็น
80.我是清迈人。80. Wǒ shì qīng mài rén.ฉันเป็นคนเชียงใหม่
81.他很帅81. Tā hěn shuàiเขาหล่อมาก
82.你有兄弟姐妹吗?82. Nǐ yǒu xiōngdì jiěmèi ma?คุณมีพี่น้องไหม
83.你可以跟我们去。83. Nǐ kěyǐ gēn wǒmen qù.คุณสามารถไปกับพวกเราได้
84.这里是什么地方?84. Zhèlǐ shì shénme dìfāng?ที่นี่คือที่ไหน
85.下课了.85. Xiàkèle.เลิกเรียนแล้ว
86.好了吗.86. Hǎole ma.ดีหรือยัง ,เสร็จหรือยัง
87.真的吗?87. Zhēn de ma?จริงๆเหรอ
88.我该怎么办?88. Wǒ gāi zěnme bàn?ฉันควรทำอย่างไร
89.你怎么认为?89. Nǐ zěnme rènwéi?คุณคิดว่ายังไง
90.谁告诉你的90. Shuí gàosu nǐ deใครบอกคุณ
91.胖胖的人。91. Pàng pàng de rén.คนที่อ้วนอ้วน
92.没时间了。92. Méi shíjiānle.ไม่มีเวลาแล้ว
93.糟糕了。93. Zāogāole.แย่แล้ว
94.今天天气很好。94. Jīntiān tiānqì hěn hǎo.วันนี้อากาศดีมาก
95.我的爸爸不舒服。95. Wǒ de bàba bú shūfú.พ่อของฉันไม่สบาย
96.车来了。96. Chē láile.รถมาแล้ว
97.他很生气97. Tā hěn shēngqìเขาโกรธมากแล้ว
98.我很高兴认识你98. Wǒ hěn gāoxìng rènshi nǐยินดีที่ได้รู้จัก
99.快点吧99. Kuài diǎn baเร็วๆหน่อย
100.中文不难。100. Zhōngwén bù nán.ภาษาจีนไม่ยากเลย

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ระบบการจัดการศึกษาของประเทศจีน



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ระบบการศึกษาจีน

       การศึกษาของประเทศจีนเป็นการศึกษาภาคบังคับ นักเรียนทุกคนต้องอยู่ในโรงเรียนอย่างน้อย 9 ปี โดยเริ่มเรียนในระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น   สำหรับนักเรียนที่มีคะแนนการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี และสอบผ่านปลายภาค จึงจะสามารถ เข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือระดับอาชีวศึกษาได้  โดยใช้เวลาเรียนอีก 2-4 ปี หลังจากนั้น จึงสอบ Entrance Examination เพื่อเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไป

&      การศึกษาระดับก่อนปฐมวัย
การศึกษาในระดับนี้ มุ่งพัฒนาทักษะทางความคิด สุขลักษณะ และพัฒนาจิตใจ ชาวจีนส่งลูกเข้ารับการศึกษาในวัยเด็กอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาด้านต่างๆ เพราะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ ของคนรุ่นบิดามารดา ที่พัฒนายากและ เชื่องช้า

             &      การศึกษาในระดับประถมศึกษา
การศึกษาในระดับนี้ เริ่มตั้งแต่อายุ 6 ปี นักเรียนเริ่มเรียนวิชา ภาษาจีน คณิตศาสตร์พื้นฐาน จริยธรรม พลศึกษา และกิจกรรมพิเศษ ภาษาต่างประเทศ เช่นภาษาอังกฤษ เริ่มเรียนในระดับ ประถมตอนปลาย
          &      การศึกษาระดับมัธยมศึกษา
การศึกษาในระดับนี้แบ่งออกเป็น มัธยมศึกษาตอนต้น3 ปี และ 3 ปีในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เรียนวิชา เคมี ชีว ฟิสิกซ์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ และพลศึกษา
มัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนเริ่มเรียนวิชาเฉพาะ สำหรับความถนัดแต่ละบุคคล โดยแบ่งเป็น สายวิทยาศาสตร์ และศิลปศาสตร์ โรงเรียนและหน่วยทางการศึกษา มุ่งสร้างแรงจูงใจ ให้นักเรียนที่มีคะแนน สอบในวิชาต่างๆ อยู่ในระดับต้นๆ เข้าแข่งขันการการสอบ
"The Olympic Series "
โดยการจัดสอบแข่งขันวิชาต่างๆ ตลอดทั้งปี เพื่อคัดเลือกนักเรียน ที่เก่ง  หลังจากจบ ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนต้องสอบ Entrance Examination  ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย

                   &      การศึกษาระดับอุดมศึกษา
หลังการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ใช้เวลาเรียน ในสาขาต่างๆ ในมหาวิทยาลัย อีก 4-5 ปี ในสาขาต่าง ๆ หลังจากนั้น จึงเข้าสู่ตลาดแรงงาน หรือเรียนต่อในระดับ มหาบัณฑิตศึกษา
                   &       การเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา
คณะกรรมการทำหน้าที่ ในการสอบคัดเลือก โดยมีส่วนกลาง คือกระทรวงศึกษาธิการทำหน้าที่กำกับดูแล และอนุมัติ ในการรับนักศึกษา โดยดูจากผลการเรียน สภาพร่างกาย และจริยธรรม นอกจากนี้ยังพิจารณา รับนักศึกษา โดยดูจากความสามารถพิเศษ ในด้านต่างๆ
การสอบ Entrance Examination จัดสอบในช่วง 10  วันแรกของ เดือนกรกฏาคม ของทุกปี ผู้สมัครสอบสามารถเลือกสอบ ในสาขาต่างๆ ตามที่ตนถนัด เช่น วิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ นักเรียนต้องระบุ ชื่อมหาวิทยาลัย สาขาที่สอบ และคณะที่ต้องการเรียน เกณฑ์การผ่านการคัดเลือก ขึ้นอยู่กับผลคะแนนการสอบ หลังจากผ่านการคัดเลือกแล้ว มีการพิจารณาคุณสมบัติ ทางด้าน พฤติกรรมทางสังคม และจริยธรรม ก่อนที่จะ รับเป็นนักศึกษา
          กุญแจในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา ของประเทศในอนาคตประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เล็งเห็นถึงการยกมาตรฐานการศึกษาของประเทศไปสู่ความเป็นเลิศทัดเทียมนานาอารยประเทศ นำความสามารถด้านต่าง ๆ ของนักศึกษาที่มีอยู่ นำมาพัฒนาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในอนาคต   เชื่อมั่นในคนรุ่นใหม่ ที่จะนำประเทศไปสู่ศตวรรษอนาคต





เเหล่งที่มา  https://www.gotoknow.org/posts/206090

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย

                      
                                               
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เรียนภาษาจีนในประเทศไทย


                             จากการศึกษาและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยและจีนได้มีการติดต่อสัมพันธ์กันมาตั้งตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เป็นต้นมาชาวจีนจำนวนไม่น้อยได้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย และเกิดเป็นชุมชนชนกลุ่มน้อย ดังนั้นการศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยก็ได้ถือกำเนิดขึ้น พรอมกับการอพยพสูประเทศไทยของชาวจีน เหตุจูงใจของการเรียนการสอนภาษาจีนในยุคแรกๆ เกิดจากความต้องการที่จะให้บุตรของตนเองได้สืบทอดภาษาและวัฒนธรรมของพวกเขา โดยให้ครูมาสอนที่บ้าน การสอนภาษาจีนตามศาลเจา หรือการส่งไปเรียนที่ประเทศจีน
และเมื่อเวลาได้ดำเนินไป สถานการณทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยและประเทศจีนก็เปลี่ยนแปลงไป ยังส่งผลต่อการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย โดยในระยะที่ประเทศจีนปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต การเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยได้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ใครที่เรียนภาษาจีนมักจะถูกมองว่าเป็นพวกที่ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต และเมื่อปี พ.ศ. 1975 ประเทศไทยและจีนไดสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต การเรียนการสอนภาษาจีนจึงไดมีความสำคัญมากขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเวลาผ่าน ประชาชนจีนซึ่งถูกมองว่าเป็นดินแดนหลังม่านไม้ไผ่ในอดีต ได้กลับมาผงาดขึ้นเป็นประเทศแนวหน้าของโลกในด้านเศรษฐกิจ คงต้องมีอะไรที่น่าสนใจที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ในดินแดนที่ถูกเปิดออกสู่สาธารณชนแห่งนี้
 คำพูดที่ว่าสมัยนี้รู้แค่สองภาษาไม่พอ แต่ต้องรู้ภาษาที่ สาม สี่ ห้า น่าจะเป็นเรื่องจริงซะแล้ว เพราะภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่สองกลายเป็นภาษาหลักที่ต้องรู้และสื่อสารได้ แต่ภาษาอื่น ต้องรู้เพื่อให้ทันโลก แต่เชื่อว่าหลายคนคงนึกเถียงในใจว่า แค่ภาษาที่สองยังสอบตกอยู่ทุกปี แล้วจะแบ่งสมองส่วนไหนไปเรียนภาษาที่สามอีก ถ้าเป็นสมัยก่อนคนที่เรียนภาษาที่สามได้ ก็จะเป็นเด็กสายศิลป์-ภาษา แต่เดี๋ยวนี้เด็กสายวิทย์หลายคนก็หันไปเรียนภาษาที่สามเพิ่มในเวลาว่างมากขึ้น ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะพ่อแม่สนับสนุนและอยากให้ลูกรู้หลายๆ ภาษา ซึ่งจะได้เปรียบเวลาทำงาน แต่อีกผลหนึ่งก็คือ กระแสของประชาคมอาเซียน ทำให้ตื่นตัวกันยกใหญ่ ส่งผลให้ภาษาของประเทศเอเชียบูมขึ้นมา โดยเฉพาะภาษาจีน ที่คนหันมาเลือกเรียนเยอะขึ้นมาก!!
                 ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศจีนเข้มแข็งและเติบโตขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศทางฝั่งตะวันตกเริ่มอ่อนตัวลง ทำให้ประเทศต่างๆ หันมาเรียนภาษาในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และ เกาหลี ส่วนภาษาของประเทศฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะภาษาฝรั่งเศสมีคนเรียนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบัน โรงเรียนสังกัด สพฐ. สอนภาษาต่างประเทศทั้งหมด 11 ภาษา ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน รัสเซีย อาหรับ พม่า เวียดนาม เขมร ไม่นับรวมภาษาอังกฤษ เพราะเป็นวิชาบังคับ โดยภาษาที่มีผู้นิยมเรียนมากที่สุด 3 อันดับ ขณะนี้ คือ ภาษาจีน มีโรงเรียนเปิดสอนภาษาจีนประมาณ 700 โรงเรียน มีนักเรียนประมาณเกือบ 300,000 คน รองลงมา ภาษาญี่ปุ่น มีสอนประมาณ 175 โรงเรียน มีนักเรียนประมาณ 34,000 คน และภาษาเกาหลี เพิ่งเปิดสอนไปเมื่อปี 2553 แต่มีผู้สนใจเรียนมากถึง 12,000 คน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นดังกล่าวนี้ จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนขึ้น เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีน และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในสังคมเศรษฐกิจ - ความรู้ รองรับการดำเนินงาน ซึ่งตามแผนมีเป้าหมายให้ประชาชนไทยอย่างน้อย 500,000 คน มีความรู้ภาษาจีน สามารถสื่อสาร แสวงหาความรู้และใช้เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพได้ มีสถานศึกษาเปิดสอนภาษาจีนมากขึ้นทุกระดับ และภายในปี 2555 สถานศึกษาระดับขั้นพื้นฐานทุกแห่งจะเปิดโปรแกรมสอนภาษาจีน ในช่วงชั้นที่ 3 และช่วงชั้นที่ 4 โดยสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนโดยย่อ ดังนี้ รณรงค์สร้างความตระหนักและส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนอย่างกว้างขวาง จัดทำมาตรฐานหลักสูตรและทางการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในแต่ละระดับประเภทของการศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาแต่ละประเภท แต่ละระดับ ปรับใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการ ส่งเสริมและพัฒนาสื่อสารการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ วางระบบพัฒนาครูสอนภาษาจีนในระยะสั้นและระยะยาวให้ได้มาจรฐาน โดยเริ่มจากการสำรวจสภาพปัจจุบันและข้อมูลเกี่ยวกับครูความต้องการของครูที่ต้องการพัฒนาในระดับต่างๆ และจัดทำฐานข้อมูลเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาครูเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน และส่งเสริมความร่วมมือและสร้างเครือข่ายเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย โดยการทำmapping โรงเรียนที่สอนภาษาจีนในประเทศไทยเพื่อกำหนดพื้นที่ที่ควรให้การสนับสนุนและส่งเสริมเป็นกรณีพิเศษ
 และจากรายงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยคุณสุวรรณ  เลียงหิรัญถาวร ปี พ.ศ. 2553 เรื่อง การวิจัยเรื่องการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในด้านต่าง ๆ ไดแก จุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน เนื้อหาวิชา วิธีการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผล เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ครูผู้สอน และแจกแบบสอบถามนักเรียนที่เรียนภาษาจีนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผลการวิจัย ไดทราบถึงสภาพและลักษณะการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนดังนี้
จากความคิดเห็นของครูผู้สอน ครูผู้สอนภาษาจีนส่วนใหญ่เป็นครูที่จบการศึกษาสาขาวิชาภาษาจีน รับผิดชอบสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีภาระการสอน 20 – 22 ชั่วโมง/สัปดาห์ และส่วนใหญ่เคยเข้ารับการฝึกอบรมภาษาจีนมาแลว วัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย คือ เพื่อให้นักเรียนไดฝึกทักษะการฟัง การพูด การอ่าน การเขียนภาษาจีน สามารถใช้ภาษาจีนเพื่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน และศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได เนื้อหาของวิชาภาษาจีนส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาจีน โดยมีการเสริมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมจีน เน้นการสื่อสารในชีวิตประจำวัน และเสริมเนื้อหาการติวข้อสอบเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิธีการสอนที่ใช้ในกาสอนภาษาจีนมีหลากหลายวิธี เช่น การฝึกสนทนา อธิบายไวยากรณและฝึกแต่งประโยคหรือข้อความ และการคัดตัวอักษรจีน มีการทำกิจกรรมนอกชั้นเรียนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดบอรด จัดนิทรรศการตามเทศกาล การประกวดร้องเพลงจีน เป็นต้น สื่อการสอนที่ใช้มีหลายหลายรูปแบบ เช่น CD เพลง , VCD การตูน, หนังสือ/นิตยสาร/วารสาร, ฮั่นจื้อกง, เว็บไซต เป็นต้น สวนการวัดและประเมินผล ใช้เกณฑ์คะแนน 80 : 20 และ 70 : 30 ซึ่งมีการเก็บคะแนนระหว่างภาคจากแบบฝึกหัด, การสอบย่อยในแต่ละทักษะ สอบกลางภาค และสอบปลายภาค ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนสอนภาษาจีน พบปัญหาเรื่องเอกสารและหนังสือที่ใช้สอนในแต่ละโรงเรียน ยังไมเป็นมาตรฐานเดียวกัน, ไมมีแผนการสอนและสื่อการสอนที่เป็นมาตรฐาน, ปัญหาเรื่องขาดห้องภาษา และอุปกรณ์ฝึกทักษะ เนื้อหาของแบบเรียนกับข้อสอบที่ใช้สอบเขามหาวิทยาลัยมีความแตกต่างกันมากทำให้นักเรียนต้องเรียนเสริมเพื่อการสอบ
จากความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่เรียนภาษาจีน นักเรียนที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุของนักเรียนส่วนใหญ่คือ 16 ป 17 ปและ 18 ป นักเรียนคิดว่าเนื้อหาของวิชาภาษาจีนที่เรียนมีความเหมาะสมปานกลาง ในด้านวิธีการสอน นักเรียนมีความคิดเห็นว่ามีวิธีการสอนที่เน้นปฏิบัติมาก โดยเฉพาะการสอนแบบเน้นทักษะการเขียน การอ่าน และการพูด ในด้านกิจกรรมการเรียนการสอน นักเรียนมีความคิดเห็นว่ากิจกรรมที่มีการปฏิบัติมากคือ อาจารย์ให้นักเรียนคัดคำศัพท์เป็นการบ้าน ในด้านสื่อการสอน พบว่ามีการใช้สื่อการสอนเหมาะสมในระดับปานกลาง สวนการวัดและประเมินผล นักเรียนมีความคิดเห็นว่ามีความเหมาะสมปานกลาง
ทุกวันนี้ การจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาจีนในระดับประถมศึกษา เริ่มมีบทบาทสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อผู้เรียน และยังเป็นรากฐานในการเรียนในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
สำหรับภาษาไทย หลายๆ คนคงจะสงสัยว่า ภาษาของเราไม่มีบทบาทอะไรบ้างเลยหรอ ถึงจะไม่ค่อยมีข่าวอะไรออกมา แต่ขอบอกว่าภาษาไทยของเรา ก็มีคนต่างชาติเรียนอยู่เยอะเหมือนกันนะ อย่างมหาวิทยาลัยคิวชูของประเทศญี่ปุ่นเอง ก็มีเปิดวิชาภาษาไทย ให้นักศึกษาลงเรียนและพอเรียนได้สักระยะก็จะมาแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาษาไทยสำเนียงเพราะ พูดแล้วเหมือนร้องเพลง แต่เรียนยากมากๆ ได้ยินแบบนี้แล้ว เวลาได้ยินคนต่างชาติพูดภาษาไทยชัด และถูกต้อง ผู้เขียนรู้สึกปลื้มทุกที และภูมิใจมากๆ ที่ภาษาไทยของเราก็มีชาวต่างชาติชื่นชอบ ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นคนไทย เรียนภาษาที่สามได้ แต่ก็อย่าลืมภาษาประจำชาติของเราด้วยนะคะ

แหล่งที่มา http://mcpswis.mcp.ac.th



วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

การขอบคุณ

การขอบคุณ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ขอบคุรจีน
1.谢谢
    Xièxiè
 
    ขอบคุณ

2.多谢
    Duōxiè
 
    ขอบคุณมาก

3.太感谢你
    Tài gǎnxiè nǐle

    ขอบพระคุณมากๆ

4.谢谢你的帮助
    Xièxiè nǐ de bāngzhù

    ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ

5.麻烦您了
    Máfan nínle
 
    รบกวนคุณแล้ว

6.辛苦你了
    Xīnkǔ nǐle

    ลำบากคุณแล้ว

7.我很感谢
    Wǒ hěn gǎnxiè

    ฉันขอขอบคุณจริงๆ